25 กรกฎาคม 2555

เศษ...ชีวิต




หากมองย้อนกลับไปในอดิต

เฝ้าสงสัยว่าเวลาเหล่านั้น...หายไปไหน

แม้ไม่มีคำตอบ..แต่

แต่..ขอแลกเวลาเหล่านั้นกับความทรงจำเก่าๆได้ไหม

เราได้เรียนรู้ว่า .."ชีวิต" คือวันเวลา

และอาจหมายถึงการกระทำ

ไม่มีความรัก...หรือความสัมพันธ์ใดๆ

ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นตลอดทุกฤดูการของชีวิต

การดำรงค์อยู่ของชีวิต...จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดา


- คานคอดิน -
กรกฏ ๒๕๕๕

12 กรกฎาคม 2555

ช่างชีวิตมันปะไร..!!



........รับสภาพทนปวดร้าว ทรมานกับรสชาติของตัวเองต่อไปเถอะ
จะโอดโอยคร่ำครวญบีบน้ำตา หาพระแสงอะไร…. ให้เสียเวลาเมา…!!
ก็ลมหายใจมันอยากอยู่ร่วมกับสันดานอย่างนั้นมาตั้งแต่รู้ความแล้วนี้….
โธ่ หนอ  ! ….ก็แลโดยสภาพและสภาวะอย่างนี้จะมีปัญญาไปหาชื่นที่ไหน
มาชุบซากตัวเองได้เล่า.. นอกจากเสี้ยวเศษกำลังใจจากบทเพลง
ที่พอประโลมฝัน ลมๆ แล้งๆ ให้พ้นผ่านในครู่คราว…..
ได้แค่นี้ ก็ดีถมไปแล้ว…. ชีวิต 
ความรันทด ที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก คือปัจจุบัน คือความเป็นจริง …..
มันใช่มโนภาพชวนสังเวช ที่ไหนกันเล่า “โลกที่รัก …”
หากนับเพียงความอยู่รอดแล้ว ทั้งชีวิตก็คงมีแต่ลมหายใจเท่านั้นเป็นทุน
หรือเธอยังปรารถนาอะไร …?
นอกจากภาพ ที่เราต่างแต่งสร้างขึ้นมาปกปิด “ สติ ” อันมิสมประกอบของพวกเรา
ช่าง ชีวิตมันประไร …… 

-คานคอดิน-
อาทิตย์ ๘ กรกฎ ๕๕ ..ในคืนที่ฝนพรำ
...บนลานเทวา..

ที่สุดในชีวิต



......เพียงหวังตั้งใจไว้ว่าจะให้ตับพักผ่อนสัก 90 วันคงจะเพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างข้าพเจ้าตลอดเวลา 360 วันที่ผ่านมาตับของข้าพเจ้าไม่เคยได้พักผ่อนเต็มที่ไม่มีคำร้องขอไม่มีคำบัญชาใดๆมีเพียงความคิดในตัวของข้าพเจ้าถกเถียงและขัดแย้งกันเองแต่ข้าพเจ้าหวังว่าอีก สามเดือนต่อจากนี้ไปข้าพเจ้าจะชนะ...ตนเอง

โปรดปล่อยข้าพเจ้าไว้คนเดียวเถิด..
เหล่าสหายทั้งหลาย
-------------------------------------
วันแรก
โซดาล้างพิษ

17.00 น.ถึงเวลาแล้ว ข้าพเจ้าเริ่มกระวนกระวาย คอแห้งผากน้ำลายเหนียว...เริ่มคิดถึงมันรีบตัดสินใจสวมชุดกีฬา คว้าจักรยานปั่นออกไป จากบ้านถึงสนามกีฬาประมาณหนึ่ง กม. จอดจักรยานแล้วเริ่มเดิน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ.....ข้าพเจ้าเริ่มวิ่ง..............วิ่งๆๆๆเสมือนควายบ้าไล่ขวิดแดด ผ่านไปสองรอบสนาม เริ่มหายใจติดขัดขาสั่น....หน้ามืด .. หรือข้าพเจ้ากำลังจะขาดใจตาย...อาจเป็นเพราะว่าเลือดในกายมันข้น...เหนียว..เพราะไม่มี แอลกอฮอล์เข้าไปผสมเหมือนเช่นทุกวัน......ข้าพเจ้าปั่นจักรยานกลับแทบไม่ถึงบ้าน......นั่งหอบเหมือนสุนัขบ้าอยู่หน้าบ้าน  เข้าห้องน้ำเปิดน้ำร้อนจัดรดหัว พักใหญ่แล้วปิดเครื่องทำน้ำอุ่นปล่อยน้ำเย็นเฉียบใหลผ่านกายอีกรอบหนึ่ง....เรียกความสดชื่นกลับคืนมาได้อีกครั้ง นั่งดูข่าวภาคค่ำจากรายการ TV อยู่พักใหญ่ กลิ่นหอมของพริกมะนาวน้ำปลา กระทบจมูกของข้าพเจ้า กระพุ้งแก้มเต็มไปด้วยน้ำลายที่ผลิตออกมาโดยอัตโนมัติ เสียงเจื้อยแจ้วของสาวน้อยดังขึ้น...” ยำหมูยอมาแล้วพ่อ”……….ในนาทีนั้นสมองสองซีกของข้าพเจ้าเริ่มทะเลาะกันความซ่าและฝาดขมชุ่มลิ้นมันเริ่มวนเวียนเข้ามาในสมองของข้าพเจ้าอีกแล้วหรือข้าพเจ้าจะล้มเลิกความคิดไร้สาระทั้งหมดนี้เสีย.!!………….เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วตามด้วยเสียงโซดาและฟองพรั่งพรูกระเด็นออกนอกแก้ว......มันสร้างความชุ่มชื่นใจให้แก่ข้าพเจ้าขึ้นมาเป็นกอง........................ข้าพเจ้านั่งดูข่าวต่ออย่างสบายใจ .............“พ่อ “เสียงร้องเรียกของสาวน้อยคนเดิมดังขึ้น ทำให้ข้าพเจ้าสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันไปมองที่มาของเสียงเจื้อยแจ้ว.................” กินข้าวเลยนะ” พร้อมกับยื่นจานข้าวสวยร้อนๆควันกรุ่นส่งมาให้ข้าพเจ้า.......นานมาแล้วที่เธอไม่เคยร้องเรียกให้ข้าพเจ้ากินข้าวเลยในเวลาเย็นซึ่งเป็นเวลาที่ข้าพเจ้าดื่มสุราในทุกๆวัน........ข้าพเจ้ารับประทานข้าวหมดจานไปพร้อมๆกับโซดาใส่น้ำแข็งเย็นเฉียบโดยไม่มีสุรา...วันแรกในรอบปีนี้........ข้าพเจ้ามีความสุขจริงๆ

วันที่สอง
บททดสอบ

....วันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ไปวิ่งออกกำลังกายเหตุเพราะว่าวันนี้ที่สำนักงานมีงานเลี้ยงรับส่งเด็กฝึกงานตอนเย็น หลังจากที่ไปรับสาวน้อยของข้าพเจ้าที่โรงเรียนตอน 5 โมงเย็น ที่แรกคิดว่าจะพาเธอไปด้วยเพื่อที่จะได้มีข้ออ้างเวลาจะขอตัวกลับแต่เธอบอกว่ากลัวจะกลับดึกและเบื่อพวกขี้เมา.....จึงให้ผมกลับไปส่งที่บ้านก่อนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จนั่งชั่งใจอยู่นานเกรงว่าหากไปแล้ว....จะทนสภาพกดดันและสิ่งยั่วยุภายในงานเลี้ยงได้หรือไม่........” ไม่รีบไปล่ะพ่อเดี๋ยวเขาก็รอกันหรอก..อย่ากินเหล้านะ ” สาวน้อยของผมสั่ง.....................เสียงดนตรีจากคอมพิวเตอร์ในโปรแกรมยอดฮิต พร้อมเสียงร้องผิดคีย์กระท่อนกระแท่นในบรรยากาศที่คุ้นเคย...ดังกระหึ่ม พร้อมเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ......”อ้าวพี่ นั่งๆๆทำไมมาช้าจังพี่เขามากันหมดแล้ว รับเครื่องดื่มเลยนะครับ”…”เออโซดาอย่างเดียวนะ ” ผมตอบกลับไปพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ที่น้องๆเตรียมไว้แล้ว.....ซักพักน้องผู้หญิงอีกคนก็ถือแก้วมาส่งให้ผม..”มาแล้วค่า..โซดาอย่างเดียว”ผมรับแก้วมาพร้อมคำขอบคุณ เตรียมจะดื่ม...แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจมูกสัมผัสกับกลิ่นที่คุ้นเคย..ผมมองหน้าน้องคนที่ส่งแก้วให้แล้วยิ้มให้เธอ...”อ้าวมัยล่ะพี่ผสมโซดาอย่างเดียว...หนูชงไม่อร่อยเหรอ? ” ”อร่อยเหมือนเดิมนั่นแหละ.....แต่วันนี้พี่ขอโซดาอย่างเดียว ไม่ผสมเหล้า น่ะ....พี่เข้าพรรษา”...”พี่นี่นะ...เข้าพรรษา” เธอลากเสียงยาวอย่างแปลกใจ...พร้อมกับหัวเราะพร้อมกับคนอื่นๆที่นั่งอยู่......เออ...แล้วมันแปลกตรงไหนว๊ะ...?เป็นงานเลี้ยงที่กร่อยที่สุดในรอบปีของผม.....ผมนั่งทนทุกข์ทรมานฟังขี้เมาร้องเพลงไม่เข้าคีย์พร้อมกับคำถามที่ว่า “อ้าวพี่ไม่กินเหล้าเหรอวันนี้” จนงานเลี้ยงเกือบเลิกจึงขอตัวกลับบ้าน...นั่งยิ้มคนเดียวระหว่างขับรถ...พลางนึกในใจ....เออหนอ เวลาพวกขี้เมามันร้องเพลงนี่...........มันฟังไม่ได้จริงๆๆ

วันที่สาม

เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาตอน ตีสองกว่าๆ..ทำอย่างไรก็ไม่ยอมหลับอีกเลย ลุกเดินเข้าออกจากห้อง..เดี๋ยวลุกเข้าห้องน้ำ.....จนลูกสาวตื่นขึ้นมาถามว่า”พ่อเป็นไร น่ะไม่นอน” .....มันทรมานจริงๆกว่าจะหลับได้ก็เกือบจะตีห้า......ข้าพเจ้าตื่นมาตอน 7 โมงเช้าด้วยอาการมึน....งง....วันนี้เป็นวันหยุดไม่ได้ไปไหน....ตอนบ่ายสาวน้อยของข้าพเจ้าจึงรบเร้าให้ข้าพเจ้าพาไปนั่งที่สวนสาธารณะซึ่งอยู่ริมแม่น้ำที่ร่มรื่น..เธอสั่งส้มตำและอาหารหลายอย่างมาทาน..มีเด็กสาวเดินมารับรายการอาหาร...พร้อมกับถามขึ้นว่า”พี่รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”ผมตอบไปโดยไม่ทันคิดหรือจะด้วยความเคยชินก็ไม่รู้...”โซดาอย่างเดียว”.....!!!...เธอหัวเราะพร้อมกับสาวน้อยของผมและทำหน้าแดง     ตอนเย็นผมออกไปวิ่งที่สนาม...พร้อมกับลูกสาวที่เธอไปนั่งรอให้กำลังใจอยู่ข้างสนาม........เหนี่อยแต่กลับไม่รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายแบบวันแรก....กลับมาบ้านอาบน้ำท่าและทานโซดา.....เหมือนเดิม

วันต่อมา

.... ผ่านไปห้าคืนแล้ว...ความรู้สึกเดิมๆเริ่มลดลงแต่ไม่ถึงกับหมดไป...มันยังวนเวียนกลับมาบ่อยๆเย็นวันนี้เป็นวันที่หกไม่ได้ไปออกกำลังเพราะฝนตก........บรรยากาศช่างเป็นใจเหลือเกิน.....มันน่านัก !!!!! 

.... เป็นวันที่เลวร้าย...ข้าพเจ้าเครียดมากหลายเรื่องราวที่ทำงาน..ข้าพเจ้าตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้ในลิ้นชักที่สำนักงานพยายามทำสมองให้ปลอดโปร่งแล้วกลับบ้านหวังว่าจะกลับมาเปลี่ยนอารมณ์ที่บ้าน.......อนิจจา..วาตะสังขารา... ข้าพเจ้าจอดรถที่ร้านค้าหน้าซอย "เหมือนเดิมเย็นๆสอง...!!!"..................ซื้อคาราบาวแดงฝากยามหน้าหมู่บ้าน.........รอดมาเก้าวันแล้วสินะ

.... ข้าพเจ้ายังสบายดี ออกกำลังกายทุกวัน...เหนี่อยน้อยลงน้ำหนักขึ้นมา...สองกิโล 

.... ผ่านไปหนึ่งเดือน เหมือนดังสบายใจ....กับการที่ข้าพเจ้าสามารถบังคับใจตัวเองแต่ในบางนาที....ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความเดียวดายข้าพเจ้านอนดึกขึ้นทุกวัน....ทั้งที่ข้าพเจ้าออกกำลังกายอย่างหนักทุกวัน...แต่ความอ่อนเพลียของร่างกายไม่อาจบังคับข่มใจให้หลับลงได้….ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าข้าพเจ้ากำลังถอยห่าง....ออกจากสังคม…มันเหมือนดั่งว่าหลังจากสามทุ่มไปแล้วเวลามันเดินช้าเหลือเกินข้าพเจ้าอยากรู้จริงๆว่าคนที่ไม่ดื่ม.....เขาทำอะไรกันในช่วงเวลานี้หลังจบข่าวทุกช่องของ tv มีแต่ละครไร้สาระ..หรือกับว่ารัฐบาลท่านบังคับให้ทุกๆช่องต้องมีละครประเภทนี้หลังข่าว…..!!!สี่ทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มจึงจะมีรายการที่..........”เหมาะกับผู้ชมทุกวัย”มันคงเจริญไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอกประเทศ.....ของพวกเราเพ้อเจ้อ....ไร้สาระอีกแล้ว .....ผ่านไป 20 วัน ข้าพเจ้ายังไม่ลืมมันแต่อีกความรู้สึกหนึ่ง...ข้าพเจ้าบอกตัวเองว่า ................“ ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าต้องขัดใจตนเองบ้างแล้ว "

.... ข้าพเจ้าป่วยมาสามวันแล้ว...ข้าพเจ้าไม่เข้าใจตนเองหยุดเหล้า...ออกกำลังทุกวัน...แต่กลับมาป่วย..!!!!ตลอดปีที่ผ่านมา..ข้าพเจ้าไม่เคยป่วยเลย..แม้สักครั้ง 

.... ข้าพเจ้าดีขึ้นมากแล้ว..นานๆจะคิดถึงมันสักครั้งหนึ่งแต่รู้สึกดีมาก..ที่สามารถเอาชนะตนเองได้.....และทำให้แม่และพ่อ....ภูมิใจในตัวข้าพเจ้า 

.... ไปออกกำลังกาย...เหมือนเดิมข้าพเจ้ากำลัง...สบายดี 

.... ข้าพเจ้าพักผ่อนมากขึ้น...ไม่ตื่นตอนดึก...ใช้เวลาออกกำลังกายนานกว่าเดิม

         - เป็นประสพการณ์ครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ข้าพเจ้าอดเหล้าเข้าพรรษา และบันทึกภาพความทรงจำในชีวิตประจำวันไว้ ในบล็อค oknation  http://www.oknation.net/blog/army11/2009/07/08/entry-1